วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พระอาจารย์พระครูไพบูลย์ วัดหงษ์รัตนาราม






เชิญพูดคุยลูกศิษย์พระอาจารย์พระครูไพบูลย์ วัดหงษ์รัตนาราม


วัดหงษ์รัตนาราม นับว่าเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในฝั่งธนบุรี มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมาอาบก่อนออกรบ มีหลวงพ่อพระแสน เป็นพระพุทธรูปที่พระราชครูโพนสะเม็กสร้างไว้ก็ประดิษฐานอยู่ที่นี่ มีศาลพระเจ้าตากสินที่ศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานให้ผู้ผ่านไปมาได้สักการะ

ในอดีตวัดหงษ์รัตนารามแห่งนี้เป็นที่รวบรวมตำราสำคัญทางพระพุทธศาสนาทั้ง ตำราการทำพระกรรมฐานแบบมัฌชิมา อันเป็นแบบอย่างเดียวกันกับวัดพลับ(วัดราชสิทธาราม) มีตำราเกี่ยวกับพุทธาคม คือ พระยันต์ พระคาถาต่างๆที่ไว้ใช้ในการออกศึก ใช้ในการค้าขาย ใช้ในทางกันผีกันคุณไสย

ในช่วง 40 ปีที่แล้ววัดหงษ์มีพระอาจารย์กล้าย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสเป็นพระเถระที่มีวิทยาคมสูงส่งเป็นที่นับถือกันโดยทั่วไป

และในปัจจุบันนี้ที่วัดหงษ์ก็มีพระเถระสำคัญที่สืบทอดวิทยาคมคือ พระอาจารย์ไพบูลย์ รัตนญาโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงษ์รัตนาราม

พระอาจารย์ไพบูลย์ เป็นผู้ศึกษาเวทย์วิทยาคมมาแต่เล็ก ตัวท่านเป็นคนพื้นเพจังหวัดศรีษะเกษ ท่านมีความสามารถรู้อักขระและภาษาทั้งส่วย ทั้งเขมร ทั้งภาษาพื้นเมืองศรีษะเกษ และยังสามารถในทางตัวธรรมอีสาน และตัวขอมแบบภาคกลางด้วย

วัยเด็กท่านผ่านการร่ำเรียนในทางเป่าฝี ใครเป็นฝีที่ไหนถ้าเด็กชายไพบูลย์เป่าให้เป็นอันหายโดยไม่ต้องใช้ยาฝรั่ง การเป่าฝีนั้นท่านว่าผู้ป่วยทำขันธ์ ๕ มาให้ มีค่าครูเพียง ๖ บาท
ส่วนตัวท่านจะกินหมาก ๕ คำ เสกหมากไปด้วยแล้วเป่าไปยังหัวฝี เพียงไม่นานฝีจะยุบตัวลงไปอย่างน่าอัศจรรย์

นอกจากสมัยเด็กเป็นหมอเป่าฝีแล้ว ท่านยังเก่งเรื่องปราบผีปอปอีกด้วย การปราบผีปอปนั้นท่านร่ำเรียนคาถาปราบผี ซึ่งท่านเปิดเผยว่าเป็นคาถาง่ายๆท่องแค่ ทุ สะ นะโส นะโมพุทธายะ เมื่อรู้คาถาท่านก็ท่องจนขึ้นใจ พอรู้ว่าบ้านไหนมีปอปอาละวาดทำคนให้เจ็บให้ป่วยท่านก็ไปบ้านนั้น ท่านเล่าวว่าท่านท่องคาถาตั้งแต่เดินลงจากบันไดบ้านพอไปถึงบ้านคนโดนปอปเข้า เพียงแค่มันเห็นหน้ามันก็ร้องกลัวทันทียอมออกไปง่ายๆ

ด้วยความสนใจเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กทำให้ท่านเป็นนักท่องคาถา ด้วยความที่ท่องคาถาอยู่เสมอจึงเป็นการได้ตัวภาวนาไปในตัวโดยอัตโนมัติ เพราะจิตใจมีคำภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่เสมอ วิตก วิจารณ์ในคำภาวนาจึงมีอยู่โดยธรรมชาติ เท่ากับเป็นพื้นฐานในการทำสมาธิชั้นสูงต่อไป

ต่อมาเมื่ออายุได้ ๒๐ ปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีหลวงพ่อเครื่อง วัดสระกำแพงเป็นพระอุปัฌชาย์ ท่านได้ร่ำเรียนคาถาแม่น้ำทั้ง ๕ จากหลวงปู่เครื่อง คาถานี้เป็นคาถาที่มีพลังเย็นใช้ล้างอาถรรพณ์ถอดถอนคุณไสยและบันดาลความเป็น สิริมงคลแก่ผู้มารดน้ำมนต์ได้

จากนั้นท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงปู่ใหญ่ลา ซึ่งหลวงปู่ท่านนี้มีวิชา "ฝนแสนห่า" เป็นที่เลื่องลือ ท่านทำตะกรุดฝนแสนห่า มีพระพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ พระพุทธคุณของยันต์ฝนแสนห่านั้นท่านกล่าวว่า "อย่าว่าแต่ศึกคนเลยแม่ศึกเทวดาก็ไม่มีแพ้" อำนาจจากยันต์ฝนแสนห่าเป็นทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด นำชัยชนะมาสู่ผู้บูชาเป็นเมตตาใหญ่ในตัวไปไหนมาไหนมีโชคลาภมาบังเกิดเสมอมิ ขาดเลย

ในปี ๒๕๒๖ ท่านได้เข้ามาพำนักที่วัดหงษ์รัตนารามเรื่อยมา ในช่วงที่ท่านมานั้นตำราเก่าแก่ของวัดหงษ์ขาดผู้ดูแลสืบทอดเพราะขาดผู้มี ความรู้ทางอักขระขอม ตัวท่านได้ศึกษาทางนี้มาเป็นอย่างดีจึงนำตำรามาคัดลอก ดำเนินงานอนุรักษ์ความรู้เก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเอาไว้ไม่ให้สูญ หาย

ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าอันตำราเก่าแก่ของวัดหงษ์นั้นเป็นความรู้ที่สืบ มาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ในยุคนั้นมีวัดประดู่ในทรงธรรมเป็นศูนย์การเรียนรู้การศึกษา ตำราหลายเล่มที่ตกทอดมาถึงวัดหงษ์ก็เป็นตำราจากอยุธยาตอนปลายมีอายุนับร้อย ปี
ฯ ๗๑   ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น